ถ้าอยากให้เว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นเครื่องจักรการตลาดที่ช่วยดึงลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย และสร้างโอกาสทางธุรกิจ ตัวแปรแรกที่ต้องดูคือ Traffic หรือจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ในแต่ละช่วงเวลา หลายคนมองว่า Traffic เป็นแค่ตัวเลข แต่จริง ๆ แล้วมันคือคุณภาพของกลยุทธ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น SEO, คอนเทนต์, โฆษณา หรือความน่าเชื่อถือของแบรนด์
วันนี้เราจะพามาดูให้ชัดกันว่า Traffic คืออะไร และทำไมตัวเลขนี้ถึงสำคัญต่อธุรกิจมากกว่าที่คิด ไปอ่านกันเลย!
Traffic คืออะไร?
Traffic คือจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ พร้อมแหล่งที่มาว่าเขามาจากช่องทางไหนบ้าง เช่น ค้นผ่าน Google, คลิกลิงก์จากเพื่อน, เจอจากโซเชียล หรือพิมพ์ชื่อเว็บเข้ามาตรง ๆ
Traffic สะท้อนถึงความสนใจ พฤติกรรม การรับรู้แบรนด์ และคุณภาพของคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณด้วย ยิ่งมี Traffic ที่มาจากกลุ่มเป้าหมายจริงมากเท่าไหร่ โอกาสเติบโตของเว็บไซต์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น
ประเภทของ Traffic ที่คนทำเว็บไซต์ควรรู้

Traffic มี 5 ประเภท ซึ่งมีผลต่อการวางกลยุทธ์การตลาดอย่างมาก ได้แก่
1.) Organic Traffic
Organic Traffic คือกลุ่มผู้ใช้งานที่ค้นหาบน Google แล้วเลือกคลิกเว็บไซต์ของคุณเองโดยไม่ใช้โฆษณา มันสะท้อนว่าเว็บไซต์ของคุณมีคำตอบที่ผู้คนต้องการจริง ๆ จึงถูกเลือกขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ และแน่นอนว่าเป็น Traffic ที่มีคุณภาพสูงที่สุด เพราะมาจากความสนใจตรงตัวของผู้ใช้งาน ไม่ใช่โฆษณาบังคับให้เห็น
2.) Direct Traffic
Direct Traffic คือกลุ่มคนที่เข้ามาแบบพิมพ์ชื่อเว็บโดยตรง หรือกดจาก Bookmark ความหมายคือคนกลุ่มนี้รู้จักคุณดีอยู่แล้ว มีความเชื่อใจหรือคุ้นเคยกับแบรนด์มากพอที่จะกลับมาอีกครั้ง กลุ่มนี้เป็นสัญญาณที่ดีว่าเว็บไซต์เริ่มสร้างฐานแฟนที่แน่นขึ้นเรื่อย ๆ
3.) Referral Traffic
Referral Traffic คือผู้เข้าชมที่คลิกมาจากลิงก์ของเว็บไซต์อื่น เช่น เว็บพันธมิตร บทความรีวิว หรือ directory ต่าง ๆ ความพิเศษของ Traffic ประเภทนี้คือทำให้เว็บไซต์คุณได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นแบบอ้อม ๆ คล้ายกับการบอกต่อจากคนอื่นว่าเว็บนี้มีคุณภาพพอให้กดเข้าไปดู
4.) Social Traffic
Social Traffic คือกลุ่มที่คลิกมาจาก Facebook, TikTok, Instagram หรือแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ จุดเด่นคือ Traffic มักจะเข้าเร็วและจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชม แชร์เยอะ หรือกลายเป็นไวรัล
5.) Paid Traffic
Paid Traffic คือกลุ่มคนที่เข้ามาผ่านโฆษณา เช่น Google Ads หรือ Facebook Ads ข้อดีคือเข้าถึงลูกค้าได้เร็ว เห็นผลทันที แต่ก็ต้องใช้งบประมาณสม่ำเสมอ ที่สำคัญเมื่อหยุดโฆษณา Traffic ก็จะลดลงทันที จึงต้องจัดสมดุลระหว่าง Paid และ Organic ให้ดี
ทำไม Traffic ถึงมีความสำคัญต่อเว็บไซต์ขนาดนี้?
แม้เว็บไซต์จะสวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคนเห็น ก็ไม่ต่างอะไรจากร้านที่เปิดอยู่ในซอยลึก ๆ ไม่มีป้ายบอกทาง ลองดูทีละเหตุผลว่าทำไม Traffic ถึงเป็นเรื่องที่ธุรกิจละเลยไม่ได้
1.) Traffic เท่ากับ โอกาสในการขาย
ถ้าคนไม่เข้าเว็บ ก็ไม่มีวันรู้ว่าคุณขายอะไร ไม่รู้ว่าบริการดีแค่ไหน และไม่มีโอกาสตัดสินใจซื้อเลย การมี Traffic มากขึ้นจึงเท่ากับโอกาสปิดการขายมากขึ้น ทั้งในรูปแบบตะกร้าสินค้า การกรอกฟอร์ม หรือการติดต่อเข้ามาโดยตรง
2.) Traffic ช่วยให้รู้ว่าคอนเทนต์แบบไหนได้ผลจริง
ทุกครั้งที่ Traffic สูงผิดปกติ นั่นคือสัญญาณว่าคอนเทนต์ชิ้นนั้นตอบโจทย์คนอ่านจริง ๆ ทำให้คุณสามารถขยายหัวข้อ แตกคอนเทนต์ใหม่ หรือสร้างเป็น Topic Cluster เพื่อเพิ่มโอกาสขึ้นอันดับบน Google ได้อีก
3.) Traffic ช่วยวัดคุณภาพ SEO ได้ชัดเจนที่สุด
เว็บไซต์ที่มี Organic Traffic เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คือการยืนยันว่า Google มองว่าเว็บคุณมีคุณค่าและน่าเชื่อถือ การทำ SEO จึงไม่ใช่เรื่องของการซื้ออันดับ แต่คือการสร้าง Traffic ที่ยั่งยืนและมีต้นทุนต่ำกว่าโฆษณาในระยะยาว
4.) Traffic ช่วยวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้แม่นยำ
Traffic จะทำให้คุณเห็นพฤติกรรมลูกค้าแบบละเอียด เช่น เขาเข้ามาจากช่องทางไหน อยู่ในหน้าบทความอะไรนานที่สุด หรือจุดไหนที่ทำให้เขาออกจากเว็บเร็ว ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้วางแผนการตลาดแม่นขึ้น ลดความเสี่ยงในการใช้เงินผิดที่
5.) Traffic สะท้อนถึงความแข็งแรงของแบรนด์
เมื่อ Direct Traffic เพิ่มขึ้น แสดงว่าผู้คนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น และจงใจกลับมาโดยไม่ต้องให้โฆษณาตาม สิ่งนี้คือสัญญาณของแบรนด์ที่เริ่มอยู่ในหัวลูกค้า ซึ่งมีค่าอย่างมากในระยะยาว
ธุรกิจควรโฟกัสกับ Traffic แบบไหนมากที่สุด?
ถ้าให้แนะนำจากประสบการณ์ทำเว็บไซต์และ SEO ให้หลายแบรนด์ในหลากหลายอุตสาหกรรม คำตอบของเราคือไม่ควรเลือกทำแบบเดียว แต่ควรทำอย่างผสมผสานให้สมดุล โดยเฉพาะการสร้าง Organic Traffic ที่เป็นฐานยั่งยืน
สรุปได้ว่า Paid Traffic ช่วยให้เห็นผลเร็ว แต่ Organic Traffic จะช่วยให้ธุรกิจโตต่อเองได้ ส่วน Social และ Referral ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ดีมาก ดังนั้นการใช้กลยุทธ์ดึง Traffic อย่างผสมผสานจึงดีที่สุด
BEP Digital Agency พร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตด้วย SEO, Web Design และกลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เราช่วยออกแบบวิธีทำงานแบบ Custom ให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณทั้งด้าน Traffic และยอดขาย หากอยากให้เว็บไซต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ติดต่อเราได้เลย!

