หลายเว็บไซต์พยายามทำคอนเทนต์ให้ดี ทำ SEO ให้ครบ แต่ผลลัพธ์บน Google ก็ยังดูธรรมดาเหมือนเว็บอื่น ๆ ในหน้าเดียวกัน ทั้งที่ความจริงแล้ว ยังมีตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เว็บโดดเด่นกว่าใครบนหน้า Search Results และดึงสายตาผู้ใช้ได้ตั้งแต่ยังไม่คลิกเข้าเว็บ!
สิ่งนั้นเรียกว่า “Schema Markup” ซึ่งเป็นโครงสร้างข้อมูลเบื้องหลังที่บอก Google ว่า “ข้อมูลนี้คืออะไร” เพื่อแสดงผลแบบพิเศษให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ก่อนจะไปถึงกลยุทธ์ ลองเริ่มจากคำถามสำคัญว่า Schema คืออะไร และมันช่วย SEO ได้จริงหรือไม่ ไปดูกันเลย!
Schema คืออะไร?

Schema คือโครงสร้างข้อมูล (Structured Data) ที่คอยบอก Search Engine ว่าเนื้อหาบนหน้าเว็บกำลังพูดถึงอะไร เช่น บทความ รีวิวสินค้า สูตรอาหาร รายการสินค้า อีเวนต์ บุคคล หรือคำถาม-คำตอบ (FAQ) โดยใช้โค้ดรูปแบบ JSON-LD เป็นตัวสื่อสารให้ Google ทำความเข้าใจข้อมูลได้ง่ายกว่าการอ่านเฉย ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
- ตัวเลขนี้คือ “ราคา”
- ตัวนี้คือ “คะแนนรีวิว”
- ส่วนนี้คือ “คำถาม FAQ”
- ภาพนี้คือ “รูปสินค้า”
เมื่อ Google เข้าใจข้อมูลมากขึ้น ก็ยิ่งมีโอกาสแสดงผลลัพธ์แบบพิเศษ ซึ่งช่วยเพิ่ม CTR (อัตราการคลิก) ได้มากกว่าผลลัพธ์แบบธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
ประเภท Schema ที่เว็บส่วนใหญ่ใช้
1. Article Schema สำหรับบทความทั่วไป

บอก Google ว่าหน้านั้นคือบทความ มีหัวข้อ ผู้เขียน วันที่อัปเดต ทำให้บทความเข้าใจง่ายและมีโอกาสติด Rich Result ในหมวดข่าวหรือความรู้
2. FAQ Schema สำหรับคำถาม-คำตอบในหน้าเดียว

ถ้าหน้ามี FAQ สามารถใช้ Schema เพื่อให้ Google แสดงคำถาม-คำตอบบนผลการค้นหา เพิ่มพื้นที่ลิสต์ของเว็บบน SERP ได้มากขึ้น
3. Product Schema สำหรับข้อมูลสินค้า

เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ ใส่ข้อมูลราคา รีวิว สินค้าคงเหลือ หรือรูปภาพ ทำให้ผลลัพธ์สินค้าเด่นขึ้นบน Google Shopping และ Search
4. Review Schema สำหรับคะแนนรีวิว

เว็บที่มีรีวิวสามารถใส่ Schema เพื่อแสดงดาวคะแนน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้เว็บคลิกง่ายขึ้น
5. Organization Schema สำหรับข้อมูลบริษัท

ช่วยให้ Google แสดงโลโก้ เบอร์โทร ลิงก์โซเชียล และข้อมูลธุรกิจแบบเป็นระบบ
6. How To Schema สำหรับคอนเทนต์สอนทำ

เป็น Schema สำหรับคู่มือหรือบทความที่มีขั้นตอน ช่วยเพิ่มโอกาสติด Rich Result แบบ How To
ประโยชน์ของ Schema ต่อ SEO
1. ทำให้เว็บโดดเด่นบนหน้าค้นหา
Schema ช่วยให้ผลลัพธ์ของเว็บมีข้อมูลเสริม เช่น ดาวรีวิว ราคา คำถาม FAQ หรือไฮไลต์เนื้อหา ทำให้เว็บดูน่าเชื่อถือและดึงสายตาผู้ใช้ได้ตั้งแต่หน้าค้นหา เพิ่มโอกาสคลิกมากกว่าเว็บที่เป็นข้อความล้วน
2. ช่วย Google เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
แม้ Google จะอ่านคอนเทนต์ได้ดี แต่ Schema ทำให้ข้อมูลมีความหมายเชิงโครงสร้างที่ชัดเจน เช่น “อันนี้คือสูตรอาหาร” หรือ “อันนี้คือสินค้า” เมื่อเข้าใจตรงจุด ก็มีโอกาสจัดอันดับได้แม่นยำและสอดคล้องกับ Search Intent มากขึ้น
3. เพิ่มโอกาสติด Rich Snippets และ Featured Snippet
ผลลัพธ์แบบ Rich Snippets เช่น FAQ, Rating, Product Info หรือ How To มักได้ตำแหน่งด้านบนของหน้า Google และเป็นพื้นที่ที่แข่งขันยาก หากทำ Schema ถูกต้อง มีโอกาสได้ตำแหน่งเหล่านี้มากกว่าเว็บทั่วไป
4. เสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ข้อมูลที่แสดงอย่างเป็นระบบ เช่น breadcrumbs, organization schema หรือ review schema ทำให้ผู้ใช้มองว่าธุรกิจมีข้อมูลครบถ้วน น่าเชื่อถือ และเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า บทความ หรือเว็บไซต์บริการ
5. ช่วยให้ Google ประมวลผลเร็วขึ้น
เมื่อข้อมูลถูกจัดหมวดหมู่ชัดเจน Googlebot จะใช้เวลา Crawling และ Indexing น้อยลง ซึ่งช่วยให้หน้าใหม่ติดอันดับได้ไวกว่าเว็บที่ไม่ใช้ Schema เลย
ดังนั้น Schema จึงเป็นโครงสร้างข้อมูลที่ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บมากขึ้น และทำให้ผลลัพธ์บนหน้า Search น่าสนใจขึ้นแบบเห็นภาพ การใช้ Schema อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บโดดเด่นทั้งด้าน CTR การจัดอันดับ และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ในระยะยาว
BEP Digital Agency พร้อมช่วยดูแลทั้ง On-page SEO, Technical SEO, การทำโครงสร้าง Schema และการเพิ่มคุณภาพคอนเทนต์ให้เหมาะกับ Search Intent เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาเจอมากขึ้นอย่างแท้จริง ติดต่อเราได้เลย!

