Back

วิธีทำ On-Page SEO ให้ดียิ่งขึ้น !

Fast Fact

ใส่คีย์เวิร์ดในจุดสำคัญ:

Title Tag: ใส่คีย์เวิร์ดหลักไว้ใกล้ส่วนต้นของ Title Tag

Meta Description: เขียนคำอธิบายที่น่าสนใจ ดึงดูดให้คนคลิก และใส่คีย์เวิร์ดหลัก

URL: ทำให้ URL สั้น, เข้าใจง่าย, และใส่คีย์เวิร์ดหลัก

Heading Tags (H1, H2, H3): ใช้ Heading Tags เพื่อจัดระเบียบเนื้อหา และใส่คีย์เวิร์ดหลัก/รองไว้ใน H1, H2 อย่างเป็นธรรมชาติ

First Paragraph: ใส่คีย์เวิร์ดหลักในย่อหน้าแรกของบทความ

Fast Fact

ทริคเล็กน้อยสำหรับการใช้ bullet points :

คุณควรใช้ Bullet points ประมาณ 3-7 อัน เพื่อให้กระชับและอ่านเข้าใจได้ง่าย ไม่ยาวจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถใช้ในส่วนของย่อหน้าแรกของเนื้อหาเพื่อเป็นการสรุปเนื้อหาทั้งหมของบทความ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้ตั้งแต่เริ่มอ่าน

Fast Fact

สิ่งที่น่าสนใจ

การทำ Content Marketing ให้ปัง และมีประสิทธิภาพ นอกเสียจากการพัฒนา ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการใช้งาน มีคุณภาพ และสนับสนุน Algorithm ในการค้นหาของ Search engine แล้ว จะต้องมีเรื่องของการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ใหกับเว็บไซต์ด้วย เพื่อทำให้เว็บไซต์และบทความของคุณสามารถติดอันดับในหน้าแรกหรืออันดับต้น ๆ ของ Search engine ได้

การปรับแต่ง SEO นั้น สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ On-Page ซึ่งเปรียบเสมือนกับปัจจัยภายในเว็บไซต์ของคุณ และ Off-Page ซึ่งเป็นเหมือนปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ โดยการปรับแต่งทั้งสองอย่างนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้บทความของคุณขึ้นไปอยู่ในลำดับที่สูงขึ้นเมื่อมีการค้นหาใน Search engine เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงและเพิ่ม Traffic แบบ Organic

โดยในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีทำ On-Page SEO ให้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นกันครับ

การทำ On-Page SEO คืออะไร?

การทำ On-Page SEO หรือที่บางคนรู้จักในชื่อ On-Site SEO เป็นการปรับเว็บไซต์และ Content หรือเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสมกับ Search engine และผู้ใช้งาน โดยใช้หลักในการทำ SEO เข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้อง และการทำบทความให้ความรู้ เพื่อทำให้เว็บไซต์หรือบทความของคุณนั้นสามารถติดอันดับตาม Keyword ที่คุณต้องการได้ และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพที่ดีในสายตาของ Search engine

On-Page SEO ประกอบไปด้วยการเขียน Title tag/Meta title/Description, การจัดรูปแบบของ Content, การปรับ URL และ Internal link ให้ดีต่อ SEO, รวมไปถึงการปรับ Keyword ภายในเว็บไซต์ให้ดีขึ้น

โดยทั้งหมดนี้จะต่างจากการทำ Off-Page SEO ซึ่งจะเป็นการจัดการทำบนเว็บไซต์อื่น ๆ เช่น Backlink เป็นต้น

ถึงแม้ว่าการทำ On-Page SEO จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการทำ SEO แต่การทำ On-Page SEO ที่ดีนั้นจะสามารถส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณดีขึ้นแบบยั่งยืน เพราะมันเป็นการสร้างเนื้อหาลงในเว็บไซต์เพื่อให้ความรู้และให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานมากที่สุด โดยสิ่งนี้จะมีผลโดยตรงกับ Conversion rate และ KPI ต่าง ๆ ในการวัดประสิทธิผลของการใช้เว็บไซต์

{{fastfact1}}

3 วิธีที่จะทำให้ On-Page SEO ดียิ่งขึ้น

สิ่งสำคัญในการคัดเลือกเว็บไซต์ที่ตอบสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหามากที่สุด สำหรับ Search Engine อย่าง Google นั้นคือ ความเกี่ยวข้อง (Relevance) และคุณภาพ (Quality)

โดยการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีความเกี่ยวข้องนั้น จะเป็นการใช้ Keyword ให้ตรงกับสิ่งที่ผู้คนค้นหามากที่สุดในจุดต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์, URL link, และส่วนอื่น ๆ ที่ Google Bot จะสามารถเข้าใจและหาเจอได้ง่าย รวมไปถึงในเรื่องของคุณภาพของบทความ และรูปแบบการนำเสนอที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Google Bot ให้ความสำคัญ เพราะส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้ใช้งานโดยตรง โดย Google Bot นั้นจะมีการตีความจากตัวชี้วัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์โดยรวม ระยะเวลาที่ผู้ใช้งานอยู่ในหน้าเว็บไซต์ หรือการคลิกต่อไปหน้าอื่นของผู้ใช้งาน

ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มทำ On-Page SEO นั้น คุณจะต้องเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ (Sitemap) เสียก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่า ควรนำบทความและเนื้อหาไปไว้ตรงส่วนใดของเว็บไซต์ หลังจากนั้นจึงเริ่มวางแผน Keyword ที่คุณต้องการ ลักษณะของบทความที่จะเขียน และส่วนประกอบอื่น ๆ 

seo onpage sitemap

การทำให้บทความ หรือ Content ของคุณติดอันดับสูง ๆ บน Google นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากคุณทำตาม 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เรานำมาเสนอในวันนี้ จะช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับที่ดีขึ้นบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาของ Search Engine อย่าง Google แน่นอน

การจัดรูปแบบเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานและ Google Bot

หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับที่ดีขึ้นใน Google และมีกลุ่มผู้ใช้งานสนใจอ่านบทความเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น คุณควรเตรียมแผนการในการจัดรูปแบบการแสดงผลของเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน แสดงผลได้ดีในทุกอุปกรณ์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ และวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์ที่ทำให้ Google Bot สามารถเข้าใจได้ง่ายดาย

แบ่งหัวข้อย่อยด้วย Heading 2 และ Heading 3 (H2 tag & H3 tag)

ปรับ heading onpage seo

วิธีที่จะช่วยในการปรับ On-Page SEO ได้เป็นอย่างดี คือการจัดรูปแบบ แบ่งเนื้อหาเป็น Subheading หรือ Heading 2 ซึ่งคุณสามารถใส่ Keyword ที่ต้องการลงบน Tag เหล่านี้ได้ ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมในส่วนของ Technical SEO อีกด้วย

โดยการปรับเนื้อหาให้มี Heading 2 และ Heading 3 นั้น จะช่วยแบ่งเนื้อหาเป็นสัดเป็นส่วน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจเนื้อหาที่คุณต้องการสื่อได้ง่ายดายมากขึ้น และยังสามารถใส่ Keyword เป้าหมายที่คุณต้องการได้อีกด้วย

ทริคเล็กน้อยสำหรับการทำ Subheading : คุณควรที่จะใช้ Heading 2 ในทุก ๆ 300 คำของบทความ และใส่ Heading 3 สำหรับเนื้อหาประมาณ 50 คำถ้าเป็นไปได้ โดยสามารถใช้ Keyword เป้าหมายของคุณในทุก ๆ หัวข้อย่อยที่เป็นคำถาม

มากไปกว่านั้น คุณสามารถใช้ Google Search Console (GSC) ในการช่วยปรับแต่ง On-Page SEO ได้ โดยสามารถเปิด Google Search Console เพื่อดูข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ คำค้นหาใดที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณแสดงบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา และตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้เป็น Heading 2 และ Heading 3 ให้กับบทความเดิมได้อีกด้วย

ทำให้แต่ละ Paragraph สั้นลง

ทำให้ paragraph สั้นลง

หากเนื้อหาแต่ละส่วนของคุณยาวมากจนเกินไป จะทำให้อ่านยาก และดูไม่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการอ่านผ่านโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นหากคุณต้องการให้บทความของคุณนั้นเหมาะสมกับการอ่านในทุกช่องทาง ได้รับความสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ควรแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนเล็ก ๆ ไม่ยาวจนเกินไป โดยอาจจะมีการกำหนดไว้ที่ Paragraph ละไม่เกิน 100-150 คำ เพื่อให้อ่านได้ง่ายที่สุด

ใช้ Bullet points

การเน้นเนื้อหาในส่วนที่สำคัญ และสรุปเป็นข้อ ๆ นั้น ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นการใช้ Bullet points จึงถือเป็นสิ่งสำคัญในการเขียนบทความเช่นกัน นอกจากนี้การใช้ Bullet points ยังมีส่วนเสริมในเรื่องของ SEO อีกด้วย

{{fastfact2}}

ประโยชน์ของการใช้ Bullet points ได้แก่

  • ช่วยในการแบ่งเนื้อหาออกเป็นข้อ ๆ ทำให้อ่านได้ง่ายมากขึ้นไม่ว่าจะอ่านผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
  • เป็นการสรุปสิ่งสำคัญของบทความ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
  • สามารถใส่ Internal link ได้ในส่วนของสารบัญ เพื่อช่วยในเรื่องความสะดวกในการใช้งาน

การปรับเนื้อหาในเว็บไซต์เพื่อ Featured Snippets

Featured Snippets เป็นการนำเนื้อหาของเว็บไซต์มาแสดงผลในรูปแบบของข้อความ ตาราง หรือรูปภาพในตำแหน่งที่ 0 หรือตำแหน่งบนสุดของผลลัพธ์การค้นหาบน Google ที่เป็น Organic Search โดยไม่รวมส่วนที่เป็นโฆษณา ซึ่ง Featured Snippets จะช่วยทำให้ผู้ใช้งานพบคำตอบที่ตรงกับคำที่ต้องการค้นหาได้ในทันที

ซึ่ง Featured Snippets เป็นส่วนหนึ่งของการปรับ Algorithm ของ Google เพื่อให้ผู้ใช้งานเจอเนื้อหาที่ตรงกับสิ่งที่กำลังค้นหามากที่สุด ซึ่งหากคุณใช้ Featured Snippets จะสามารถช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ของคุณดียิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่ม Organic Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย

โดยเหตุผลที่ควรปรับเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ติดบน Featured Snippets

  • ได้แสดงผลอยู่ในตำแหน่งบนสุดของผลลัพธ์การค้นหาบน Google
  • ช่วยทำให้ติดอันดับที่ดีขึ้นสำหรับ Keyword เป้าหมาย
  • ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ และแบรนด์คุณให้ดีมากขึ้น
  • เพิ่ม Organic Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
  • ได้รับ Backlink เพิ่มขึ้น เพราะมีผู้เข้าชมคลิกเข้ามาอ่านบทความมากขึ้น
  • ทำให้เว็บไซต์ของคู่แข่งมีอันดับที่ต่ำลงไป

Google นั้นจะแสดงผลลัพธ์โดยอ้างอิงจาก Search Intent หรือจุดประสงค์ของการค้นหา ซึ่งจะมีการใช้ข้อมูลการค้นหาและประวัติการค้นหาร่วมด้วย โดย Featured Snippets จะมีการแสดงผลอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบได้แก่

แสดงผลแบบ Paragraph สั้น ๆ บน Featured Snippets

Featured Snippets ชนิดนี้จะช่วยทำให้ On-Page SEO ของเว็บไซต์คุณดีขึ้น ปรับรูปแบบการแสดงผลของบทความของคุณดีขึ้น และช่วยสรุปเนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับบทความของคุณ โดยนำ Paragraph แรกของบทความของคุณไปแสดง ซึ่ง Paragraph ที่แสดงผลอยู่บน Featured Snippets นั้นจะเป็นคำอธิบายสั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา โดยมีเนื้อหาประมาณ 40-50 คำ

แสดงผลแบบ List บน Featured Snippets

หากบทความของคุณมี Bullet points สำหรับเนื้อหาที่สำคัญ หรือตัวเลขที่แสดงเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ของแต่ละบทความ Featured Snippets ชนิดนี้จะเป็นการนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาแสดงในรูปแบบของ List

การแสดงผลแบบตาราง บน Featured Snippets

ในบางครั้ง Featured Snippets ก็แสดงผลข้อมูลในรูปแบบตาราง 3-4 คอลัมน์ พร้อมกับ 6-7 แถว ซึ่งอาจเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับราคา หรือการเปรียบเทียบต่าง ๆ โดยคุณสามารถเพิ่มตารางในรูปแบบ HTML เข้าไปในบทความของคุณ สำหรับการสรุปผลข้อมูลหรือการอธิบายแบบเป็นขั้นเป็นตอนได้

การใส่หน้า FAQ ในเว็บไซต์

faq ในเว็บไซต์

หน้า FAQ หรือ Frequently Asked Questions คือหน้าเพจที่คุณสามารถสร้างบทสนทนากับผู้ใช้งานได้ โดยจะรวบรวมคำถามที่เจอบ่อย ๆ ในหัวข้อเรื่องต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลพื้นฐาน และคำตอบที่พวกเขาอยากรู้ได้ อีกทั้งหน้า FAQ ยังช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้มากขึ้น และสามารถนำข้อมูลไปแสดงผลได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ คุณควรหมั่นอัพเดทปรับปรุงคำถามและคำตอบในหน้า FAQ ให้เท่าทันสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่เสมอ เพราะหากไม่มีการอัพเดทหน้าเพจที่สำคัญอย่าง FAQ อาจส่งผลทำให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ของคุณคิดว่า คุณไม่ดูแลใส่ใจเว็บไซต์ของคุณ และส่งผลต่อภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก

ประโยชน์ของการมีหน้า FAQ ในเว็บไซต์

  • ช่วยเพิ่ม Impressions : หน้า FAQ สามารถช่วยเพิ่ม Organic impression ได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ CTR ดีขึ้น เพราะเป็นเนื้อหาที่ผู้คนต้องการหาบ่อย ๆ อีกด้วย
  • ช่วยเพิ่มจำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ : จำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์จะเพิ่มมากขึ้น เมื่อเว็บไซต์ของคุณมี Impression มากขึ้น
  • ช่วยเพิ่มเรื่อง Interlinking : คุณสามารถเพิ่มลิ้งก์ไปยังบทความอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของคุณ ในหน้า FAQ ได้ เพื่อช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับเว็บไซต์
  • ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ในโลกออนไลน์ : หน้า FAQ นั้นมีส่วนช่วยให้เนื้อหาของเว็บไซต์ถูกแสดงผลในหน้าผลลัพธ์หารค้นหามากขึ้นได้ อีกทั้งยังทำให้เว็บไซต์คู่แจ่งมีอันดับที่ต่ำลงจากการแสดงผลปกติ

หวังว่าเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันในบทความนี้ จะช่วยให้คุณทราบวิธีการทำ On-Page SEO ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายของคุณมากที่สุดนะครับ

{{CTA="/blog"}}

Blogs Recommended

Become a client

Our clients get the best results when they have our team dedicated to their business for extended periods of time.

This is why we are looking for ongoing collaboration where our professionals are like your team members who just happen to be remote. Ready to move forward?

Blog image
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

Head Office

719  Mint Tower
Banthat Thong Road, Wang Mai, Pathum Wan district, Bangkok 10330

Phone

095-834-2460

Back to top