การขายของออนไลน์ในวันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครโพสต์บ่อย ใครลดราคาหนัก หรือใครมีฟอลโลเวอร์เยอะที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับว่า คุณเข้าใจลูกค้าแค่ไหน และวางกลยุทธ์อย่างไรให้พวกเขาอยากซื้อด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่เพราะถูกบังคับด้วยโปรโมชั่นหรือโฆษณา
ถ้าคุณเริ่มมีลูกค้าเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยอดขายยังไม่พุ่ง หรืออยากขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิม บทความนี้จะพาคุณไปดูเทคนิคเพิ่มยอดขายออนไลน์ที่เจ้าของแบรนด์ยุคใหม่ควรรู้ และสามารถลงมือทำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าเล็กหรือธุรกิจระดับ SME
4 เทคนิคปั้นยอดขายออนไลน์ให้ขายดี
1. เขียนบทความดึงดูดลูกค้า

การจะขายของให้ได้ สิ่งแรกที่ต้องมีคือ “คนเข้าร้าน” บนโลกออนไลน์ แม่เหล็กที่ดีจะช่วยดึงดูด
ลูกค้าที่ใช่ให้เข้ามาหาคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องตามตื๊อ
แม่เหล็กที่ว่าก็คือ ของฟรีที่มีคุณค่า เช่น แหล่งข้อมูลที่ให้ความรู้ รายงานหรือคู่มือที่โหลดได้ฟรี เว็บบินาร์ที่ให้ความรู้เฉพาะทาง หรือแม้แต่จดหมายข่าวทางอีเมลที่สื่อสารอย่างสม่ำเสมอและน่าสนใจ
เช่น ถ้าคุณขายโปรแกรมบัญชี ลองแจกเช็กลิสต์ “10 อย่างที่เจ้าของกิจการควรตรวจทุกเดือน” หรือถ้าคุณขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาจสร้างอีบุ๊กสั้น ๆ เกี่ยวกับวิธีดูแลผิวตามสภาพอากาศ
เมื่อของฟรีเหล่านี้มีประโยชน์จริง คนก็จะอยากติดตามคุณต่อ และนั่นคือโอกาสที่คุณจะได้แนะนำ
สินค้าหรือบริการ โดยที่ไม่ต้องขายตรง ๆ ตั้งแต่แรก
2. เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ด้วย CTA ที่ชัดเจน

เว็บไซต์ของคุณคือบ้านหลักของธุรกิจ ถ้าเปรียบเป็นร้านค้า ก็ต้องมีทางเข้าออกที่สะดวก แสงไฟสว่าง และพนักงานที่ยิ้มแย้มต้อนรับ
บนโลกออนไลน์ สิ่งเหล่านั้นคือประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดี และ Call to Action (CTA) ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นคำเชิญชวนให้ลูกค้าทำบางอย่าง เช่น “สั่งซื้อตอนนี้” “ทดลองใช้ฟรี” หรือ “สมัครรับข่าวสาร”
หลายเว็บไซต์มีข้อมูลดีแต่ไม่มี CTA ที่กระตุ้นให้คนคลิก เพียงแค่คุณเปลี่ยนปุ่มธรรมดาให้โดดเด่นขึ้น หรือย้ายตำแหน่งของแบบฟอร์มให้หาง่าย ก็สามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้ทันที
อย่าลืมว่าเว็บไซต์ไม่ได้มีไว้แค่ให้ดูสวย แต่ต้องพาคนไปต่อให้ได้ ถ้าคนอ่านแล้วไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ แปลว่าเว็บไซต์นั้นยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่นั่นเอง
3. ใช้โฆษณา ทำ SEO และเขียนอีเมล อย่างมีกลยุทธ์

การเพิ่มยอดขายออนไลน์ ไม่สามารถหวังพึ่งช่องทางเดียวได้ ธุรกิจที่เติบโตเร็ว มักใช้หลายเครื่องมือควบคู่กันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น
- โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ไวและแม่นยำ ทั้งนี้ต้องเจาะจงความสนใจหรือพฤติกรรมเฉพาะกลุ่มด้วย
- SEO (Search Engine Optimization) การทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของคุณติดอันดับบน Google แบบไม่ต้องจ่ายเงิน เนื้อหาที่ดีและตอบโจทย์คำค้นหาจะช่วยดึงลูกค้าเป้าหมายเข้ามาโดยธรรมชาติ เช่น บทความรีวิว บทความเปรียบเทียบ หรือบทความให้ความรู้
- การตลาดผ่านอีเมล วิธีการเขียน Email ก็ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ถ้าคุณส่งสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่โฆษณาซ้ำ ๆ การส่งอีเมลที่มีสาระ เนื้อหาพิเศษ หรือโปรโมชันสำหรับลูกค้าเก่า จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ง่ายขึ้น
การวางแผนให้ 3 ช่องทางนี้ทำงานสอดคล้องกัน จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาส ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าใหม่หรือเก่า
4. สร้างความผูกพัน ด้วยการติดตามผลอย่างตั้งใจ

ยอดขายไม่จบแค่ตอนที่ลูกค้ากดชำระเงิน เพราะจริง ๆ แล้ว ความสัมพันธ์นั้นเพิ่งเริ่มต้น ลูกค้าที่
เคยซื้อของจากคุณแล้ว คือกลุ่มที่มีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำสูงที่สุด ถ้าคุณดูแลเขาให้ดีพอ สิ่งที่เรียกว่า
“การติดตามผล” หรือ Follow-up ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทรงพลังในการเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน
การติดตามผลอาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ เช่น การส่งข้อความขอบคุณหลังสั่งซื้อ การถามฟีดแบ็ก หรือแนะนำสินค้าที่อาจสนใจเพิ่มเติม รวมถึงการให้สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าเก่า เช่น คูปองส่วนลด หรือการชวนเข้าร่วมกลุ่มลูกค้าประจำ
สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำให้ลูกค้ารู้ว่า “เขาสำคัญ” และไม่ได้ถูกลืมหลังจากจ่ายเงินไปแล้ว การดูแลหลังการขายที่ดี จะเปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นแฟนแบรนด์ และช่วยบอกต่อให้คนอื่น ๆ โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักการตลาดมืออาชีพ หรือมีทีมงานใหญ่โตเพื่อเพิ่มยอดขาย เพียงแค่เริ่มจากการเข้าใจลูกค้า วางโครงสร้างที่ดี และใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ก็จะช่วยสร้างยอดขายออนไลน์ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
พร้อมหรือยัง...ที่จะเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับธุรกิจ!
เพราะยอดขายที่เติบโต ไม่ได้มาจากโชค แต่มาจากกลยุทธ์ที่วางไว้ดีตั้งแต่ต้น หากคุณกำลังมอง
หาทีมที่ช่วยวางแผนกลยุทธ์ออนไลน์แบบมืออาชีพ ให้คำปรึกษาตั้งแต่แบรนด์เริ่มต้น จนถึงขั้น
สร้างแคมเปญที่วัดผลได้จริง BEP Digital Agency พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่คุณไว้วางใจได้ ทักแชทเลย!