หลายธุรกิจเริ่มทำโฆษณาออนไลน์จากความคิดว่า “ยิงโฆษณาแล้วเดี๋ยวยอดขายก็มาเอง” แต่ความจริงคือ ไม่ว่าคุณจะใช้ Facebook Ads, Google Ads, TikTok Ads หรือแพลตฟอร์มไหน สิ่งที่ทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การจ่ายเงินเพิ่ม แต่คือการใช้กลยุทธ์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและรู้ว่าควรสื่อสารอะไรในจังหวะไหน
การทำโฆษณาออนไลน์ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเสมอไป บางครั้งเทคนิคพื้นฐานที่ทำให้ตรงกลุ่ม ตรงช่วงเวลา และตรงความต้องการ ก็ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากกว่าการปรับงบเสียอีก
บทความนี้เราจะพาไปดู 7 เทคนิคการโฆษณาที่ทุกธุรกิจสามารถนำไปใช้ได้จริง ที่สำคัญยังสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม ไปดูกันเลย!
7 เทคนิคการโฆษณาออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มยอดขายแบบจับต้องได้!
1. เข้าใจกลุ่มลูกค้าให้ชัดก่อนเริ่มโฆษณา
โฆษณาที่ดีเริ่มจากการรู้ว่ากำลังคุยกับใคร ไม่ใช่การเลือก Target แบบกว้างแล้วหวังว่าจะเจอคนซื้อ เพราะการรู้จักลูกค้าจะช่วยให้คุณเลือกคอนเทนต์ถูกประเภท ใช้ข้อความที่โดน และยิงโฆษณาไปยังกลุ่มที่มีโอกาสซื้อสูงที่สุด
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับลูกค้า
- เขาต้องการแก้ปัญหาอะไร
- เขากำลังค้นหาอะไรอยู่ในช่วงนี้
- เขาตัดสินใจซื้อจากอะไรเป็นหลัก (ราคา คอนเทนต์ รีวิว ภาพลักษณ์แบรนด์)
- เขาอยู่บนแพลตฟอร์มไหนบ่อยที่สุด
2. ใช้คอนเทนต์ที่ตอบความต้องการในแต่ละช่วงของลูกค้า
ลูกค้าไม่ได้เห็นโฆษณาครั้งเดียวแล้วซื้อทันที เพราะการตัดสินใจซื้อนั้นมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่เห็นครั้งแรก ไปจนถึงเชื่อใจมากพอที่จะซื้อ ดังนั้นการทำคอนเทนต์ให้ตรงแต่ละช่วงของ Marketing Funnel จะช่วยให้โฆษณาทำงานได้ดีขึ้นหลายเท่า
การทำคอนเทนต์ให้ตรงกับ Marketing Funnel

- ช่วง Awareness ทำให้รู้ว่าเราคือใคร ควรใช้ Video Marketing หรือข้อความที่เล่าแบบง่าย ๆ ว่าแบรนด์แก้ปัญหาอะไร
- ช่วง Consideration ทำให้เชื่อว่าเราดีกว่าเจ้าอื่น ใช้รีวิว ผู้ใช้จริง หรือคอนเทนต์เปรียบเทียบ
- ช่วง Conversion ทำให้ตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น ใส่ข้อเสนอ เช่น ราคา โปรโมชัน ส่งฟรี หรือ CTA ที่ชัดเจน
3. ตั้งเป้าหมายโฆษณาให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น
หลายธุรกิจยิงโฆษณาแบบหวังยอดขายทั้งหมด แต่ไม่ได้ตั้งค่าให้ระบบเรียนรู้ตามผลลัพธ์ที่ต้องการจริง ๆ เช่น ยิง Traffic แต่หวังยอดซื้อ แบบนั้นก็ไม่ควร เพราะถ้าเลือก Objective ผิด โฆษณาก็ผิดทางตั้งแต่ต้น!
ตัวอย่าง Objective ที่ควรเลือก

- ต้องการคนเข้าเว็บไซต์ → Traffic / Landing Page View
- ต้องการคนทักแชท → Messages
- ต้องการยอดขาย → Conversion / Sales
- ต้องการสร้างการรับรู้ → Reach / Video Views
4) ใช้ครีเอทีฟที่หยุดสายตาได้ใน 1 วินาที
คนเลื่อนฟีดเร็วมาก หากโฆษณาไม่ดึงดูดตั้งแต่เสี้ยววินาทีแรก โอกาสถูกอ่านแทบเป็นศูนย์ ดังนั้นคอนเทนต์ที่ดีจะไม่ได้หมายถึงความสวยงามเท่านั้น แต่ต้องหยุดดูให้ได้เร็วที่สุด
ตัวอย่างครีเอทีฟที่ดึงสายตาได้ดี
- ภาพ Before-After สำหรับสินค้าแก้ปัญหา
- Visual ที่มีข้อความใหญ่ 1 ประโยค (Hook)
- วิดีโอ 5-10 วินาทีที่เข้าเรื่องทันที
- อินโฟชัด ๆ สำหรับสินค้าที่ต้องอธิบาย
5) ทำ Retargeting ให้เป็นระบบ

คนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อครั้งแรกที่เห็นโฆษณา การทำ Retargeting คือไม้ตายที่ทำให้ Conversion เพิ่มขึ้นแบบไม่ต้องเพิ่มงบเยอะ
Retargeting ที่ควรมี
- คนที่เคยเข้าเว็บไซต์
- คนที่เคยดูวิดีโอ
- คนที่เคยกด Add to Cart แต่ยังไม่ซื้อ
- คนที่เคยทักแชทแต่ไม่ได้ปิดการขาย
โดยโฆษณากลุ่มนี้ควรเน้น Call to Action ชัดเจน เช่น “รับโปรวันนี้เท่านั้น”, “มีสินค้านี้ในตะกร้าคุณอยู่”, “ส่งฟรีถึงเที่ยงคืนนี้” เพราะพวกเขาอยู่ในช่วงพร้อมซื้อแล้ว
6) ใช้ข้อมูล (Analytics) ในการตัดสินใจ ไม่ใช่ความรู้สึก
หลายธุรกิจหยุดโฆษณาทั้งที่กำลังเริ่มทำงานดี เพราะรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม ทั้งที่ตัวเลขบอกอีกแบบ ดังนั้นคุณควรดูตัวเลขให้เป็น เพื่อที่จะรู้ว่าช่วงไหนควรเพิ่มงบ ช่วงไหนควรหยุด หรือควรแก้อะไร
ตัวเลขที่ต้องดู
- CTR (คลิกผ่าน)
- CPC (ค่าคลิก)
- CPA (ค่าต่อการซื้อ/ต่อผลลัพธ์)
- ROAS (ผลตอบแทนต่อโฆษณา 1 บาท)
- คอนเทนต์ไหนทำงานดีกว่า
7. ปรับโฆษณาตามพฤติกรรมผู้ชม ไม่ใช่ตามความสะดวกของแบรนด์
พฤติกรรมของผู้ชมคือเข็มทิศสำคัญของงานโฆษณา ควรสังเกตว่าผู้ชมตอบสนองกับคอนเทนต์ไหนเป็นพิเศษ เพื่อให้รู้ว่าควรผลิตคอนเทนต์แบบไหนเพิ่ม และแบบไหนควรหยุดใช้ เพียงปรับตามพฤติกรรมจริงของลูกค้า โฆษณาก็จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นทันที โดยไม่ต้องเพิ่มงบเลยด้วยซ้ำ
ตัวอย่างเช่น
- สินค้าไลฟ์สไตล์ควรใช้วิดีโอสั้น
- สินค้าแก้ปัญหาควรใช้ Before-After
- สินค้าที่ต้องอธิบาย ควรใช้คอนเทนต์แบบ How-to
สรุปได้ว่า เทคนิคการโฆษณาที่ทำให้ยอดขายเติบโตได้นั้นไม่จำเป็นต้องซับซ้อน ส่วนใหญ่คือการปรับเรื่องพื้นฐานให้ถูกทาง เช่น การเข้าใจลูกค้า การเลือก Objective ให้ถูก หรือการใช้คอนเทนต์ให้ตรงกับช่วงการตัดสินใจ ถ้าหากพื้นฐานคุณแน่น แคมเปญโฆษณาก็จะเสถียรขึ้นทันที แถมยังใช้งบน้อยลง แต่ได้ผลมากขึ้น
หากคุณต้องการทีมที่เข้าใจการวางกลยุทธ์โฆษณาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การทำความเข้าใจลูกค้า ออกแบบคอนเทนต์ที่ตรง Intent ไปจนถึงการวิเคราะห์ผลและปรับโฆษณาให้แม่นขึ้นทุกวัน ทีม BEP Digital Agency พร้อมดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ ติดต่อเราได้เลย!

