Back

ประเภทการทำงานของ Keyword

Table of Contents

Chapter 6/2 Keyword research และประเภทการทำงานของ Keyword

ในบทนี้เราจะกล่าวถึงความสำคัญของการทำ Keyword research และทำความเข้าใจประเภทการทำงานของ Keyword และวิธีใช้งานกันนะครับ



เราได้มีการพูดถึง ความสำคัญและหน้าที่ของคำหลักในหัวข้อก่อนหน้านี้ไปแล้วนะครับ เมื่อคุณเพิ่งเริ่มต้นการใช้ การค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย โดยปกติแล้วคุณไม่จำเป็นต้องทำการใช้ Keyword research อย่างละเอียด นั่นเป็นเพราะว่าคุณสามารถเริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ใช้ค้นหาโดยใช้ Seed lists ในขณะที่ตรวจสอบการใช้จ่ายโดยแบบ Match types

Keyword โดยทั่วไปจะมีข้อแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ผู้ใช้ว่าได้อยู่ในเส้นทางที่วางเอาไว้หรือไม่ เริ่มตั้งแต่การให้ข้อมูลในวงกว้างไปจนถึงการแก้ปัญหา ชื่อแบรนด์ และ Keyword ของแบรนด์


เมื่อคุณมีรายการ Keyword เริ่มต้นแล้วคุณจะมีกลุ่มเป็นธีม ซึงจะกลายเป็นกลุ่มโฆษณาของคุณตามที่เราได้พูดกันไปในบทที่แล้ว




Keyword research tools

Google Ads และ Microsoft Advertising ต่างก็มีเครื่องมือวางแผน Keyword สำหรับการทำ Keyword research เครื่องมือนี้จะให้ปริมาณการค้นหาราคาต่อหนึ่งคลิก และ ค่าประมาณ Conversion ภายในบัญชีของคุณ และ Microsoft Advertising Intelligence ยังเป็นเครื่องมือที่ใช้ โปรแกรม Excel ได้มีฟรีและมีประสิทธิภาพอีกด้วย


ซึ่งในตลาดมีเครื่องมือทำ Keyword research อยู่มากมาย ได้แก่

  • การแนะนำอัตโนมัติ “People also ask” และ “Related searches” ในผลการค้นหาของ Google และ Bing
  • ผลการค้นหาของ Amazon และคำแนะนำอัตโนมัต
  • Pinterest
  • Customer reviews
  • Google search console
  • Google trends

Match types

วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการงบประมาณและทำให้มีการเข้าชมในแคมเปญการค้นหาของคุณคือใช้ Keyword match types

เครื่องมือค้นหา(search engines)ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถสามารถควบคุมได้มากขึ้น ให้โฆษณาจะถูกเรียกใช้เมื่อใดด้วยการใช้ Keyword match types


Keyword match types  คือการตั้งค่า Keyword ของคุณเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมการค้นหา

ที่จะทำให้ Keyword ในการโฆษณาของคุณนั้นปรากฎ มีอยู่ 4 ประเภท ซึ่งมีการทำงานที่แตกต่างกัน มีอะไรบ้าง ?




Exact match


คือ Keyword ที่ตรงกับที่เราตั้งใจเอาไว้ ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบ วงเล็บรอบตัว เช่น  [bicycle chain], [bike chain]

ถึงแม้ว่า ชื่อจะเป็นการจับคู่แบบตรง แต่ก็จะไม่ตรงอีกต่อไป เพราะตอนนี้ Google อนุญาตให้ใช้รูปแบบที่ใกล้เคียงซึ่งรวมถึงการสะกดผิด หนูพจน์ / เอกพจน์  การเปลี่ยนแปลงลำดับคำและคำในฟังก์ชัน ตลอดจนคำที่มีความหมายเดียวกันเพื่อจับคู่ Keyword ที่ทำงานแบบ Exact-match ทั้งหมด


Google กล่าวว่า จุดมุ่งหมาย คือการจับคู่ความหมาย และ เจตนาการหาข้อความค้นหาให้ตรงกับ Keyword แต่ Google ก็ไม่ได้รับประกันว่า จะยังคงจัดลำดับความสำคัญของ Keyword ที่จะตรงกัน


การขยายการจับคู่คำหลักของ Google เป็น “close variants” รูปแบบที่ใกล้เคียง เป็นสัญลักษณ์ของการพึ่งพา machine learning ที่เพิ่มขึ้นเพื่อทำความเข้าใจว่า ข้อความค้นหาสอดคล้องกับจุดประสงค์ของ Keyword อย่างไร นอกจากนี้ข้อมูลภายในของ Google ยังแสดงให้เห็นว่า 15% ของการค้นหารายวันเป็นเรื่องใหม่ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ลงโฆษณาจะครอบคลุม ฐาน Keyword ทั้งหมดของคุณ machine learning จึงจะช่วยเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ได้


Phrase match


คือ Keyword ที่ทำงานแบบวลี โดยการค้นหาวลีคำหลักที่แน่นอนตามและมีคำของคุณตามลำดับที่ถูกต้อง เป็นมีรูปแบบเป็นเครื่องหมายคำพูดหน้าและหลัง เช่น “bicycle chain” ”bike chain” ด้วยการทำงานแบบ Phrase match มีความสำคัญอยู่มาก ซึ่ง Google จะเรียกโฆษณาของคุณก็ต่อเมื่อข้อความค้นหาใช้ลำดับคำเดียวกันกับ Keyword ซึ่งข้อความค้นหาสามารถมีคำอื่น ก่อน หรือหลังวลี ก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น การค้นหา “my bicycle chain broke” จะเรียกใช้ Keyword ที่ทำงานแบบวลี “bicycle chain” จะปรากฎออกมา แต่การค้นหา “new chain for bicycle” จะไม่ปรากฎ


อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่ควรทราบ ในปี 2019 Google ได้ขยายรูปแบบใกล้เคียงที่มีความหมายเดียวกันให้ใช้กับการทำงานกับแบบ วลี และ การทำงานแบบกว้าง


การจับคู่วลีเป็นรูปแบบที่มีความสมดุลในการควบคุมและการเข้าถึง โฆษณาของคุณอาจเรียกใช้หากผู้ใช้ค้นหาด้วยวลีที่ Google เห็นว่ามีความหมายเหมือนกับ Keyword ของคุณ

ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ Google เห็นว่า “lawn mowing service” “grass cutting service” และ “lawn cutting services” มีความหมายวลีแบบเดียวกัน

ตัวอย่าง

Broad Match Modifier (BMM) ตัวแก้ไขการทำงานแบบกว้าง

ดังที่ระบุไว้ในก่อนหน้านี้ข้อความค้นหาที่มีความหมายเดียวกันสามารถเรียกใช้คำหลักที่แก้ไขการทำงานแบบกว้างได้เช่นกัน


ในเทคนิคนี้ไม่ใช่ ประเภทการทำงานของคำหลัก แต่เป็นการทำงานแบบกว้าง ซึ่งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการ ใช้คำหลักใหม่ ในขณะที่ยังควบคุมบางส่วน ว่า Keyword ไหนที่เรียกโฆษณาของคุณ

BMM ช่วยให้คุณส่งสัญญาณให้ Google ทราบว่าคำใดในวลี มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งจะสามารถทำได้โดย ใส่เครื่องหมาย (+) ไว้หน้าคำสำคัญเหล่านั้น ตัวอย่าง gourmet +blueberry +jam


Keyword +blueberry +jam สามารถจับคู่กับพนูพจน์ การสะกดผิดและคำที่มีความหมายเดียวกันได้ แต่คำว่า gourmet อาจถูกละเว้นทั้งหมด หากคุณลบ เครื่องหมายบวกที่อยู่หน้า blueberry โฆษณาของคุณอาจจะเลือกเป็นแยมรสไหนก็ได้

Broad match การจับคู่แบบกว้าง 

เนื่องจาก BMM มีเหตุผลบางอย่างที่จะใช้คำหลักที่ทำงานแบบกว้าง (และโปรดสังเกตว่านี่เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อคุณเพิ่ม Keyword ลง) Keyword ที่ทำงานแบบกว้างสามารถเรียกโฆษณาจากข้อความค้นหาที่ Google เห็นว่าเกี่ยวข้องแม้ว่าจะไม่ใช่ Keyword ในกลุ่มโฆษณาก็ตาม ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีและข้อมูลมากมายเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์ หรือ บริการของคุณ  และนอกจากนี้ยังสามารถจับคู่กับสิ่งที่ไม่น่าจะจับคู่กันได้ และยังต้องการให้คุณจับตาดูรายงานข้อความค้นหาของคุณอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการวิจัย Keyword แล้วการทำงานแบบกว้าง ยังมีประโยชน์ ในกรณีที่คำหลักของคุณมีปริมาณการค้นหาต่ำ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ให้บริการแก่ผู้ชมจำนวนน้อย หรือคุณกำหนดเป้าหมายในพื้นที่อย่างจำกัด




Negative keywords

Negative keyword จะพิจารณาคำที่คุณไม่ต้องการให้โฆษณาของคุณแสดงเป็น Keyword ซึ่ง Negative keyword สามารถกำหนดได้ที่ระดับบัญชีแคมเปญ หรือ กลุ่มโฆษณา


ในโฆษณาของคุณจะมีคำโฆษณาที่คุณไม่ต้องการถูกเรียกดังนั้น คุณจะต้องเพิ่ม Keyword เป็นเชิงลบ ในแคมเปญหรือในกลุ่มโฆษณาอื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อความค้นหาเรียกโฆษณา ในแคมเปญ หรือ กลุ่มโฆษณาหลายรายการ




How to use match types

คุณสามารถใช้ประเภทจับคู่ใดก็ได้จาก 4 ประเภท ที่มีให้สำหรับ Keyword เดียวกันแม้จะอยู่ใน

กลุ่มโฆษณาเดียวกันก็ตาม Google จะแสดง Keyword ที่มีลำดับโฆษณาสูงสุดดังนั้นคุณจะต้องการจัดโครงสร้างราคาเสนอของคุณให้สอดคล้องกันโดยการตั้งค่าที่แน่นอน ตามด้วย Phrase ตามด้วย BMM และสุดท้ายคือ Broad


หากงบประมาณของคุณไม่เพียงพอคุณอาจต้องใช้การทำงานแบบ Exact match ให้มากขึ้น ส่วน BMM และ Broad match จะทำให้เกิดข้อความค้นหามากขึ้นจึงมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้คำนึงถึงงบประมาณของคุณ เมื่อพิจารณา ประเภทการจับคู่ที่จะใช้


Search query reports รายงานคำค้นหา การขยายรูปแบบที่ใกล้เคียงหมายความว่าคุณต้องจับตาดู Keyword ที่เรียกโฆษณาของคุณอย่างใกล้ชิด เพิ่มข้อความค้นหาที่มีประสิทธิภาพที่ดีในแคมเปญของคุณและเพิ่มคำหลักเชิงลบตามต้องการ กำหนดตารางเวลาปกติสำหรับการตรวจสอบรายงานคำค้นหาของคุณ


บทถัดไปเราจะแนะนำเรื่อง เจาะลึกการตั้งค่าแคมเปญการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย

cr: searchengineland.com

{{CTA="/blog"}}

Blogs Recommended

Back to top