Back

วิธีการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกด้วยตนเอง

Fast Fact

Fast Fact

Fast Fact

สิ่งที่น่าสนใจ

การทำ SEO คืออะไร?

“หัวใจสำคัญของ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของแบรนด์ติดอันดับต้นๆในการค้นหาบนหน้าแสดงผลค้นหา (SERPs - Search Engine Result Pages) เพิ่มโอกาสที่จะทำให้ผู้คนรู้จัก Brand ผ่านการเข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย” ซึ่งการทั้งหมดนี้จะเรียกง่ายๆว่า ทำ seo ให้เว็บไซต์ นั่นเอง

SEO ก็คือกลยุทธ์หรือวิธีการที่จะทำให้ผู้คนเข้าเว็บไซต์จากการเจอเว็บไซต์ของคุณจากการค้นหาบน Google เมื่อมีพวกเขาค้นหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่แบรนด์ของคุณ

SEO จะช่วยให้เว็บไซต์มีการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ (Rankings) ที่ดีขึ้น และเพิ่มการมองเห็นแบรนด์ (Visibility) บนหน้าแสดงผลค้นหา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ช่วยส่งเสริมจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic)


หากเว็บไซต์ของเรามีสินค้าหรือบริการที่คนต้องการ เว็บไซต์ของเราจะมีโอกาสในการช่วยปิดการขาย หรือ ทำให้เว็บไซต์ เกิด Conversion ตัวอย่าง conversion ไม่ว่าจะเป็น การสมัครสมาชิก หรือ การลงทะเบียน เป็นต้น


พฤติกรรมของลูกค้านั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา SEO จึงสามารถเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการวางตำแหน่งหรือจุดยืนให้กับแบรนด์ และช่วยสร้างความมั่นใจว่ากลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ตรงกับพฤติกรรมการซื้อ

ทุกวันนี้ผู้คนส่วนมากใช้ Search Engine อย่าง Google ในการค้นหาสินค้าและบริการก่อนที่จะทำการซื้อ มากกว่าช่องทางอื่นๆ


Forrester Research เปิดเผยว่า 60% ของลูกค้านั้นไม่ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานขาย นอกจากนี้ 68% ของลูกค้าชอบหาข้อมูลด้วยตัวเอง และ 62% ของลูกค้ามีเกณฑ์การเลือกผู้ขายของตัวเอง

"จากผลการสำรวจของ DemandGen พบว่า 56% ของลูกค้าแบบ B2B ไปที่เว็บไซต์ของผู้ขายโดยตรง ในขณะที่ 61% ของลูกค้าแบบ B2B ใช้วิธีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องการจาก Search Engine จากนั้นพวกเขาจะประเมินจากทางเลือกที่มีโดยพิจารณาจากการโฆษณาทาง Social Media และรีวิวของผู้ใช้บริการอื่นๆ ดังนั้นโอกาสที่ลูกค้าจะเลือกแบรนด์ของคุณไปพิจารณา ก็คือ เว็บไซต์ของคุณจะต้องแสดงเป็นอันดับต้นๆในหน้าแสดงผลค้นหา"

แล้ว Google ใช้วิธีไหนในการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ของเรา ?

“เป้าหมายของ Search Engines ก็คือ การให้คำตอบหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากที่สุดแก่ผู้ใช้งาน”

Search Engines เหล่านี้จะเลือกหน้าเพจที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับคำค้นหามากที่สุด และจัดอันดับโดยแสดงหน้าเพจที่ได้รับความนิยมหรือน่าเชื่อถือสูงที่สุดก่อน โดยวิเคราะห์จากคำค้นหาและเนื้อหาในหน้าเพจ เช่น หัวข้อ หรือ Keyword ซึ่ง Google ถือว่ายิ่งหน้าเพจได้รับความนิยมมาก แปลว่าเนื้อหาตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดี


ทาง Google ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Search Algorithms ในการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว ถึงแม้ว่าทาง Search Engines จะไม่เปิดเผยอัลกอริทึมของพวกเขา แต่จากการทำ SEO ในระยะเวลาหนึ่ง ก็ทำให้สามารถระบุได้ว่า ปัจจัยใดบ้างที่พวกเขาใช้พิจารณาในการจัดอันดับ

3 กลยุทธ์หลักในการทำ SEO

1. Technical Setup

โดยปกติแล้ว Search Engine จะใช้วิธีการสแกนเพื่อทำความเข้าใจหัวข้อและระบุ Keywords บนหน้าเพจของเว็บไซต์ หลังจากนั้นจะทำการเพิ่มหน้าเพจนั้นๆลงในฐานข้อมูลของดนื้อหาทั้งหมดที่พบบนเว็บ หรือที่เรียกว่า Index ด้วยวิธีนี้อัลกอริทึมจะสามารถพิจารณาแสดงเว็บไซต์ของคุณในหน้าแสดงผลค้นหา โดย Search Engine จะวิเคราะห์ข้อมูลจากแค่เนื้อหา และไม่ได้สนใจการจัดรูปแบบ สี รูปภาพของเว็บไซต์เลย

ดังนั้นแม้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะสวยงามเพียงใด แต่สำหรับ Search Engine แล้วอาจจะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้เลย ดังนั้นคุณควรให้ความสำคัญกับปัจจัยดังต่อไปนี้



  • โครงสร้างเว็บไซต์และลิงก์ที่เอื้อต่อการเก็บข้อมูลของ Search Engine

    Google Bot จะเข้ามาเก็บรวบรวมข้อมูลจากหน้าเพจ หรือที่เรียกว่า Crawling และใช้ลิงก์ในการอ่านข้อมูลเนื้อหาทั้งหมดในเว็บไซต์ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูล โดย Bot จะไม่สามารถมองเห็นรูปภาพ.fwfh ดังนั้นคุณจะต้องทำโครงสร้างเว็บไซต์และลิงก์ให้เป็นตัวหนังสือเท่านั้น
  • โครงสร้าง URL ที่เข้าใจง่าย

    Search Engine Bot จะไม่ชอบโครงสร้างที่ซับซ็อน หากเป็นไปได้ คุณควรทำ URLs ให้สั้นและมี Keywords หลักที่ตรงกับหัวข้อและเนื้อหาเว็บไซต์
  • ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์

    ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้คุณภาพ เว็บไซต์ที่โหลดได้รวดเร็ว จะทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ดี แต่หากเว็บไซต์มีองค์ประกอบเยอะและต้องใช้เวลาในการโหลดนานมาก เช่น ต้องรอโหลดรูปภาพ ก็อาจจะทำให้ลูกค้าไม่อยากใช้งาน
  • ลิงก์เสีย (Dead links)

    ลิงก์ที่เสียจะทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี และยังทำให้ Search Engine Bot ไม่สามารถจัดทำ Index เนื้อหาของเว็บไซต์ได้อีกด้วย

  • Sitemap และ Robots.txt

    Sitemap คือไฟล์ที่มี URLs ทั้งหมดบนเว็บไซต์ซึ่ง Search Engine Bot จะในการระบุว่าจะเก็บรวบรวมข้อมูลและทำ Index ส่วนไหน ในทางกลับกัน Robot.txt จะเป็นไฟล์ที่บอกกับ Search Engine Bot ว่าเนื้อหาส่วนไหนไม่ต้องทำการ Index เช่น นโยบายเฉพาะของแบรนด์ที่คุณไม่ต้องการให้แสดงในหน้าแสดงผลค้นหา
  • เว็บไซต์ไม่มีเนื้อหาที่ซ้ำกัน

    เนื้อหาที่ซ้ำกันจะทำให้ Search Engine Bot สับสน และไม่สามารถตัดสินได้ว่าควรจะแสดงข้อมูลส่วนไหนบนหน้าแสดงผลค้นหา ดังนั้นพวกเขาจะไม่แสดงข้อมูลเหล่านั้นเลย
  • Google Page Experience

    เนื่องจาก Google ได้มีการประกาศออกมาเมื่อปีที่แล้วว่าจะมีการปรับการให้คะแนน SEO ในส่วนเว็บไซต์มากขึ้น แต่ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับ technical set จากสิ่งที่เรียกว่า Google Page Experience โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับการตั้งค่ารูปผ่านต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์โดยตรง ดังนั้นเว็บไซต์ของเราควรมีการดูแลและปรับในส่วนนี้ให้ทำงานได้ดีเพื่อให้เว็บเราโหลดเร็วอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะมี content เยอะแค่ไหนก็ตาม



2. Content

Content นั้นมีรูปแบบมากมาย ไม่ใช่แค่เป็นข้อความตัวหนังสือ แต่ยังรวมไปถึงรูปภาพ วีดีโอ คำแนะนำสินค้า หรือรายชื่อธุรกิจ เป็นต้น สำหรับ SEO นั้น

Content คือสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนมองเห็นแบรนด์มากขึ้น เพราะ Search Engine Bot นั้นจะดูจากหัวข้อ Content และส่วนประกอบอื่นในการประเมินคุณภาพ โดยพวกเขาจะจับคู่คำค้นหากับหน้าเพจที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ในการเพิ่มประสิทธิภาพของ Content นั้นควรเริ่มต้นที่ Keyword


SEO ไม่ได้โฟกัสแค่การดึงดูดผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์ แต่ต้องการดึงดูดผู้คนที่ต้องการสินค้าของแบรนด์และกลายเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นไปได้เมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับในหน้าแสดงผลค้นหาและมี Keyword ตรงกับที่พวกเขาค้นหา ดังนั้น SEO ต้องเริ่มจากการค้นหาว่ากลุ่มลูกค้าใช้คำค้นหาแบบไหนใน Search Engine
กลยุทธ์การทำ On-page SEO ที่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า Search Engine จะเข้าใจหัวข้อ Keywords และสามารถจับคู่คำค้นหาที่เกี่ยวข้องได้ โดยเริ่มจาก

Keywords Optimization

ขั้นแรกต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า Google เข้าใจว่าคุณต้องการโฟกัส Keyword คำไหน และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ คุณต้องมี Keywords ในส่วนต่างๆดังต่อไปนี้

  1. ชื่อหัวข้อ: พยายามวาง Keyword ให้อยู่ในชื่อหัวข้อ

  2. URL: Web address ก็ควรที่จะมี Keyword ด้วย

  3. H1 Tag: ส่วนใหญ่ Tag นี้จะแสดงชื่อหัวข้อตามค่าเริ่มต้นในระบบจัดการเนื้อหา

  4. ย่อหน้าแรกของเนื้อหา: การมี Keyword ในย่อหน้าแรกจะช่วยให้ Google มั่นใจในเนื้อหา

  5. Meta-title และ Meta-description tags: เป็นการแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมในหน้าแสดงผลค้นหา ซึ่ง Search Engine ใช้เพื่อทำความเข้าใจหน้าเพจเพิ่มเติม

  6. ชื่อไฟล์รูปภาพและ ALT tags: หรือ img alt tag ชื่อไฟล์รูปภาพควรมี Keyword อย่างน้อยหนึ่งรูป


ปัจจัยอื่นๆ

On-page SEO ไม่ใช่แค่การใส่ Keyword เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เช่น

  • External links: การมีลิงก์ไปยังข้อมูลที่เกี่ยวข้องในหน้าเพจอื่นๆ นอกจากจะช่วยให้ Google ระบุหัวข้อเพิ่มเติมได้แล้ว ยังทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์มีประสบการณ์ที่ดีอีกด้วย

  • Internal links: ลิงก์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มอันดับได้ โดยช่วยให้ Search Engine สามารถรวบรวมข้อมูลหน้าอื่นๆในเว็บไซต์ และยังแสดงความเชื่อมโยงระหว่างหน้าต่างๆที่ช่วยให้การค้นหาง่ายขึ้น ตามกฏแล้ว คุณควรมี 2-4 ลิงก์ต่อโพสต์

  • ความยาวของ Content: เนื้อหาที่มีข้อมูลละเอียดถี่ถ้วนจะได้อันดับที่ดีเสมอ

  • Multimedia: แม้ว่าจะไม่มีข้อกำหนด แต่ multimedia เช่น วีดีโอ หรือข้อความเสียง ก็สามารถแสดงถึงคุณภาพของเว็บไซต์ได้ และยังช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์อยู่ได้นานขึ้น

3. ลิงก์ (Links)

นอกจากที่ Search Engine Bot จะพิจารณาเลือกการจัดอันดับจากความเกี่ยวข้องของคำค้นหาและ Content แล้วนั้น พวกเขายังเลือกจากความเป็นที่นิยมอีกด้วย ซึ่งลิงก์คือสิ่งที่มีส่วนรับผิดชอบต่อความเป็นที่นิยมของเว็บไซต์

Backlink คืออะไร?

Backlink หรือลิงก์ คือการอ้างอิงเนื้อหาของคุณบนเว็บไซต์อื่นๆ หรือแฝงไปใน Content ต่างๆ โดยมีเป้าหมายให้ลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของคุณ


Google จะใช้ทั้งปริมาณและคุณภาพของลิงก์ในลักษณะนี้เป็นตัวบ่งชี้ที่บอกถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เพราะเว็บมาสเตอร์จะอ้างอิงเว็บไซต์ยอดนิยมและมีคุณภาพสูงมากกว่าเว็บไซต์ธรรมดา

คุณภาพของลิงก์


SEO โฟกัสที่จะสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะหากลิงก์มีคุณภาพต่ำ ก็จะส่งผลต่ออันดับบนหน้าแสดงผลค้นหา โดยควรให้ความสำคัญกับปัจจัยดังนี้

  • ความนิยมของ Linking site

    ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือ ก็จะถูกพิจารณาให้เป็นลิงก์ที่มีคุณภาพสูงตามไปด้วย

  • ความเกี่ยวข้องกับหัวข้อ

    ลิงก์จากเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือที่มีหัวข้อคล้ายคลึงกับเว็บไซต์ของคุณ ก็จะได้เปรียบกว่าลิงก์จากเว็บไซต์ทั่วไป

  • ความเชื่อถือใน Domain

    Search Engine จะประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ก็จะได้อันดับที่ดีกว่าเสมอ


Link building

Link building คือกระบวนการสร้าง backlinks ใหม่ๆ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะคุณต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงกลยุทธ์ และความอดทนในการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพและผ่านเกณฑ์ต่างๆออกมา โดยใช้กลยุทธ์ดังต่อไปนี้

  • Editorial, organic links ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่อ้างอิงเนื้อหาของคุณด้วยตัวพวกเขาเอง
  • Outreach ติดต่อเว็บไซต์อื่น เพื่อให้อ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์ของคุณ

  • Guest posting การโพสต์บทความของคุณลงในเว็บไซต์อื่น โดยใส่ลิงก์ใน Content หรือชีวประวัติผู้เขียน เพื่อให้สามารถกลับมายังเว็บไซต์ของคุณเอง
  • Profile links มีเว็บไซต์จำนวนมากที่เสนอโอกาสให้สร้างลิงก์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Online profile คุณสามารถใส่รายละเอียดลิงก์เว็บไซต์ของคุณได้

  • การวิเคราะห์คู่แข่ง วิเคราะห์ backlink ของคู่แข่งเพื่อจะสร้างลิงก์ใหม่สำหรับเว็บไซต์ของคุณ

การสังเกตการณ์และติดตามผลลัพธ์

การตั้งค่าทางเทคนิค เนื้อหา และลิงก์ที่กล่าวไปข้างต้นต่างก็มีความสำคัญต่อการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ แต่การสังเกตการณ์และติดตามผลลัพธ์ของ SEO นั้นก็จะช่วยปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณให้ดียิ่งขึ้นไปอีก การวัดความสำเร็จของ SEO นั้น หมายถึง การติดตามข้อมูลจำนวนของการเข้าชมเว็บไซต์ การมีส่วนร่วม และลิงก์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPIs - Key Performance Indicators) ดังต่อไปนี้

  • การเติบโตของจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ทโดยไม่ผ่านการซื้อโฆษณา (Organic traffic growth)

  • การจัดอันดับ Keywords (Keywords rankings)

  • Conversions ของการเข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่ผ่านการซื้อโฆษณา (Conversions from organic traffic)

  • เวลาเฉลี่ยในการอยู่ในหน้าเพจ (Average time on page and the bounce rate)

  • จำนวนการเข้าชมหน้า Landing pages ที่ไม่ผ่านการซื้อโฆษณา (Top landing pages attracting organic traffic)

  • จำนวนหน้า Indexed pages (Number of indexed pages)

  • การเติบโตของลิงก์ (Links growth)

หากสนใจบริการทำ SEO สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

>> การทำ SEO ให้ติดหน้าแรกภายใน 90 วัน

หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้จากผู้เชี่ยวชาญของเรา

{{CTA="/blog"}}

Blogs Recommended

Become a client

Our clients get the best results when they have our team dedicated to their business for extended periods of time.

This is why we are looking for ongoing collaboration where our professionals are like your team members who just happen to be remote. Ready to move forward?

Blog image
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

Head Office

719  Mint Tower
Banthat Thong Road, Wang Mai, Pathum Wan district, Bangkok 10330

Phone

095-834-2460

Back to top